รีวิว สงครามส่งด่วน ซีรีส์ไทย การแข่งขันทางตลาดกับกลยุทธ์สุดดุเดือด

ถ้าถามถึงซีรีส์ Netflix ที่กำลังมาแรง มีคนดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง ก็ต้องเรื่องนี้แหละ สงครามส่งด่วน ที่สะท้อนถึงสังคมของการแข่งขันทางธุรกิจ จากความพยามและการมองเห็นโอกาสของเด็กดอยที่อยากจะเป็นคนรวย อยากมีเงินล้าน ทำให้หลาย ๆ คนที่ได้ดูตั้งแต่ Ep.1 ไปจนถึง Ep. สุดท้ายได้เปิดหูเปิดตา และได้รู้ว่ากว่าจะก่อตั้งธุรกิจขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

และเรื่องนี้จะไม่อวยยศให้กับนักแสดงเลย ไม่ได้แน่นอน เพราะทุกคนทุมเทอย่างมาก ความน่าทึ่งก็คือการใช้ภาษาจีน ในการสื่อสารกัน จนแทบจะลืมไปเลยว่านี่เป็นซ๊รีส์ฝีมือคนไทย โดยเฉพาะนักแสดงนำ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ที่มองหาความหล่อไม่เห็นเลย เมื่อมารับบท สันติ ยอมที่จะให้คนดูอย่างเรา ๆ เห็นว่าเขาจะต้องเป็นคนยากจน ด้วยการลดน้ำหนักลงมา ซึ่งเมื่อได้เห็นครั้งแรก ก็มีคำถามตามมาว่า ทำไมจะต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย

ข้อมูลนักแสดง และผู้กำกับ สงครามส่งด่วน

• กำกับโดย : ณฐพล บุญประกอบ
• เขียนบท : ณฐพล บุญประกอบ, ภัทรนาถ พิบูลย์สวัสดิ์, วสุธร ปิยารมณ์, ทศพล ทิพย์ทินกร, ธนีดา หาญทวีวัฒนา
• อำนวยการสร้าง : จิระ มะลิกุล และ วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์
• แนว : ดราม่า, ธุรกิจ, ครอบครัว
• จำนวนตอน : 7 ตอน
• นักแสดง ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, เจนเย่ จีรนรภัทร, ดร.พลัง โลกศิลป์,เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, พีช-พชร จิราธิวัฒน์

เรื่องย่อสงครามส่งด่วน

สันติ ที่เป็นเด็กดอย ซูบผอม มอมแมม ถูกขายให้ไปใช้แรงงาน แต่โชคดีที่พูดจีนได้ ทำให้ช่วยงานนายจ้างได้มาก จนได้รับความไว้ใจ ทำให้มีโอกาส ได้เข้ามาสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยเงินก้อนมาหาศาล และเป็นคนที่ทำงานได้ทุกอย่าง สู้งานหนัก จนกระทั่งเมื่อเขาจะส่งของไปให้แม่ ซึ่งทุก ๆ เดือนเขาก็ส่งให้แม่เป็นประจำ แต่ค่าส่งแสนแพง สำหรับครั้งนี้ ที่เขาส่งกลับถูกกว่าครึ่ง ทำให้เขามองเห็นโอกาสที่จะเริ่มก่อร่าง สร้างตัว กับธุรกิจขนส่ง แต่แน่นอน ความไม่มีประสบการณ์ ทั้งในเรื่องคน และธุรกิจ กลไกลทางตลาด ทำให้ต้องเจอกับปัญหาหลาย ๆ ครั้ง  อย่างไรก็ตาม สันติ ก็ยังมีเพื่อนที่โตมาด้วยกัน และมีเพื่อนร่วมธุรกิจ ซึ่งร่วมฝ่าฟันอุปสรรค สุดท้าจะประสบความเร็จ และได้ส่วนแบ่งการตลาดหรือไม่ อยากรู้ก็ต้องไปดู

ดูซีรีส์จบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

สำหรับเริ่มต้นในช่วง Ep แรกๆ การเดินเรื่องจะเนิบ ๆ จนรู้สึกว่า เอ๊ะ ซีรี่ส์เกี่ยวกับส่งพัสดุ ส่งของ แล้วเมื่อไหร่จะถึงไปถึง ซึ่งช่วงแรกก็จะเทน้ำหนักไปทางการบอกเล่าความเป็นมาของ สันติ ว่าเพราะอะไรก่อนที่จะมาเริ่มต้น การก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ แต่พอเริ่มเข้าสู่ช่วงของการเริ่มต้นก่อตั้งบริษัท ก็เริ่มมีจุดให้สนใจมากขึ้น

ในหลาย ๆ ฉากที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจ เหมือนเรื่องราวกำลังราบรื่น แต่กลับพลิก อย่างฉากที่ เคน ปรากฏตัวครั้งแรก ซึ่งเคนเป็นลูกชายของ เจ้าสัวคณิน หุ้นส่วนของสันติ ฉากให้นาฬิกา และมีอีกหลาย ๆ ฉากที่ทำให้รู้สึกเอ๊ะ เหมือนเป็นการผูกเงื่อนให้เรื่องดำเนินไปเรื่อย ๆ ปัญหาจะค่อย ๆ ออกมาให้เห็น ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นความจงใจของผู้กำกับหรือไม่ ที่ต้องการให้คนดูเห็น และเริ่มเดาทางออก

อีกจุดที่มันสะกิดใจก็คือ ภาษาจีน ที่จริง ๆ แล้วทุกอย่างดูดีเลย เพียงแต่ส่วนตัวคืออ่านซับไม่ทันนั่นเอง ทำให้ตอนนี้รู้สึกอยากจะไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเลย ด้วยเพราะฟังไม่ออกและอ่านซับไม่ทันทำให้เรื่องราวอาจไม่ต่อเนื่อง เพราะไม่รู้ว่าตัวละครเขากำลังคุยอะไรกัน ถ้าอ่านทันก็แล้วไป

ได้อะไรจากการดูซีรีส์เรื่องนี้บ้าง

หลังจากดู สงครามส่งด่วน จบแล้วทำให้นึกถึง สถาบันครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคนรวย หรือคนยากจน ก็ต่างมีปัญหา และมักส่งผลกระทบไปยังเด็ก และสุดท้ายก็อยู่ที่ตัวเด็กแล้วว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต สำหรับเนื้อเรื่องของการสร้างธุรกิจรับส่งพัสดุ ที่พยายามหาไอเดียที่แตกต่าง แต่คุ้มค่า ทำให้ตระหนักได้ว่าก่อนที่จะทำอะไร จะเริ่มธุรกิจอย่างไรก็ตาม ควรจะต้องศึกษาข้อมูล เพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่จะมีคนคอยช่วยก็ตาม

คะแนน 8.5/10

จากทั้งหมดที่พูดถึงมาเกี่ยวกับซํรีส์ สงครามส่งด่วน ตรงนี้ มีทั้งจุดดี และจุดด้อย ซึ่งเทไปทางบวกมากกว่า โดยเนื้อเรื่อง การเดินเรื่อง นักแสดงคุณภาพ ต้องบอกเลยว่าดีมาก ซึ่งคะแนน 1.5 ที่เหลือก็เป็นบางจุด บางสถานการณ์ที่อาจจะยังไม่ลื่นไหล และด้วยเป็นเรื่องที่มีนักแสดงไม่ได้เยอะมาก แต่ก็สามารถสร้างเรื่องให้ได้อย่างสนุก ดูเพลิน

สงครามส่งด่วน ไม่ใช่แค่ซีรีส์ดราม่าที่เกี่ยวกับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนชีวิต แรงผลักดัน และความหวังของคนที่เริ่มจากศูนย์ ด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อย ๆ เปิดประเด็นมาอย่างช้า ๆ ก็เกือบหลับ ช่วงต้นแต่ก็กลับมาได้ นักแสดงก็ทุ่มเทกันสุดตัว โดยเฉพาะไอซ์ซึที่พลิกบทบาทได้แบบไม่ห่วงหล่อ พร้อมการเล่าเรื่องที่มีทั้งมุมซึ้ง มุมขำ บางฉากก็ไม่ขำ ใครที่ยังไม่ได้ดู ก็บอกเลยว่ารีบไปดูเถอะ คุ้มค่าจริง แล้วจะได้มาคุยอวดกันไงล่ะ